ทุกๆ ปีในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชาวไทยหลายล้านคนเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยว ส่งผลให้มีปริมาณการจราจรหนาแน่นทั่วประเทศ ซึ่งช่วงนี้เองที่เราเรียกกันว่า “7 วันอันตราย” ช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงที่สุดของปี สำหรับปี 2568 ช่วง 7 วันอันตรายปีใหม่จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2567 ถึง 4 มกราคม 2568 ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ 7 วันอันตราย เช่น สถิติอุบัติเหตุในอดีต ปัจจัยที่ทำให้อุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น และวิธีการเตรียมตัวเดินทางให้ปลอดภัยในช่วงเวลาที่สำคัญนี้
ทำไมต้องเรียกว่า “7 วันอันตราย”
7 วันอันตรายเป็นคำที่ใช้อธิบายช่วงเวลาแห่งความเสี่ยงสูงสุดของการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ เหตุผลหลักที่ช่วงนี้ได้รับการเรียกขานเช่นนี้คือ:
-
ปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้น – ผู้คนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือออกท่องเที่ยว ทำให้การจราจรคับคั่งทั้งถนนสายหลักและรอง
-
พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ – เช่น การดื่มสุราแล้วขับรถ การขับรถเร็วเกินกำหนด และความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล
-
ความประมาทจากทั้งผู้ขับขี่และคนเดินถนน – หลายคนอาจไม่ได้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย หรือไม่สวมหมวกกันน็อก
7 วันอันตรายปีใหม่ 2568 ช่วงเวลาและสถิติที่ต้องรู้
ช่วงเวลา 7 วันอันตรายปีใหม่ 2568 คือ 29 ธันวาคม 2567 – 4 มกราคม 2568 โดยในปีที่ผ่านมา สถิติจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แสดงให้เห็นว่า:
-
จุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย – ถนนสายหลักที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ กับภูมิภาคต่างๆ เช่น ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) และทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม)
-
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด – ช่วงเย็นถึงค่ำ (18.00 – 22.00 น.) เนื่องจากผู้คนเดินทางหลังเลิกงานหรือเฉลิมฉลอง
-
ปัจจัยสำคัญของอุบัติเหตุ – การขับรถเร็วและเมาแล้วขับยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
เคล็ดลับการเดินทางปลอดภัยในช่วง 7 วันอันตราย
-
ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทาง การเช็คสภาพรถ เช่น ระบบเบรก ยาง และไฟสัญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในรถ
-
หลีกเลี่ยงการขับรถในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า หากคุณต้องเดินทางไกล ควรมีการวางแผนให้ดี และพักผ่อนให้เพียงพอ หรือลองแบ่งการขับขี่กับคนอื่นในรถ
-
งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนขับรถ แม้จะเป็นการดื่มเพียงเล็กน้อยก็อาจลดความสามารถในการตัดสินใจของคุณได้ ดังนั้นควรงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดหากต้องขับรถ
-
ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัย การสวมหมวกกันน็อก และการขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม
-
ใช้บริการขนส่งสาธารณะ หากเป็นไปได้ การเลือกใช้รถโดยสารสาธารณะ เช่น รถไฟ รถบัส หรือเครื่องบิน อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเดินทางได้